รูปยูเอฟโอที่มาของภาพ,GETTY IMAGES
ประสบการณ์ถูกเอเลียนลักพาตัวไปพูดคุยด้วยหรือทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องราวที่เล่าขานกันมานานจากปากคำของผู้คนจำนวนไม่น้อยทั่วโลก แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนแจ่มแจ้งว่า ประสบการณ์เหนือธรรมชาติเหล่านี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่
ค้นหา
เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา วารสาร International Journal of Dream Research ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาล่าสุดของศูนย์วิจัย Phase Research Center (PRC) ในกรุงมอสโกของรัสเซีย ซึ่งระบุว่าการฝันแบบรู้ตัวว่าฝันอยู่หรือ lucid dream อาจเป็นสาเหตุที่แท้จริงของประสบการณ์ถูกเอเลียนลักพาตัว มากกว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวในโลกแห่งความเป็นจริง
ความฝันแบบ lucid dream นั้น แม้ผู้ที่กำลังหลับฝันจะรู้ตัวว่าตนเองฝันอยู่ แต่การรับรู้ของประสาทสัมผัสต่าง ๆ มีเพียงบางส่วนเท่านั้น ผู้ที่ฝันสามารถจะควบคุมสถานการณ์หรือสิ่งแวดล้อมในฝันให้เป็นดังที่ต้องการได้ แต่ความฝันเกี่ยวกับเอเลียนมักจะมาพร้อมกับความหวาดกลัวสุดขีดและอาการอัมพาตขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้เหมือนถูกผีอำด้วย
คนทั่วไปราว 55% ฝันแบบรู้ตัวว่าฝันอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต และอีก 26% มีความฝันแบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำราวเดือนละครั้ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทั่วโลกมีผู้บอกเล่าถึงประสบการณ์ถูกเอเลียนลักพาตัวกันมากมาย นับแต่ช่วงศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา
ทีมวิจัยของ PRC ทดลองให้คนวัยผู้ใหญ่ที่เคยฝันแบบรู้ตัว 152 คน พยายามค้นหาและส่งกระแสจิตเรียกเอเลียนหรือจานบินยูเอฟโอให้มาพบ โดยให้พยายามทำตามคำสั่งดังกล่าวขณะเข้านอนและในฝัน
ผลปรากฏว่าผู้เข้าร่วมการทดลอง 114 คน ฝันว่าติดต่อกับเอเลียนได้สำเร็จด้วยวิธีการในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง โดย 61% ในจำนวนนี้บอกว่าได้พบกับเอเลียนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนในภาพยนตร์และนิยายวิทยาศาสตร์ ในขณะที่อีก 19% บอกว่าได้พบกับมนุษย์ต่างดาวที่ดูคล้ายกับมนุษย์โลกธรรมดาทั่วไป
รูปคนอยู่กลางอากาศ
ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES
ผู้เข้าร่วมการทดลองที่เป็นหญิงคนหนึ่งบอกว่า ได้พบเอเลียนผิวสีฟ้าที่รูปร่างเตี้ยแคระ ตาโต และมีศีรษะใหญ่เกินขนาดของคนทั่วไป เอเลียนตัวนี้ได้เชิญให้เธอขึ้นไปบนยานของเขา ทำให้เธอตาเกือบบอดเพราะแสงสว่างเจิดจ้าภายใน รู้สึกเวียนหัวและตัวเบาเหมือนล่องลอยในอากาศ
ผู้เข้าร่วมการทดลองที่เป็นชายอีกผู้หนึ่งเล่าว่า เขารู้ตัวในฝันว่ากำลังนอนบนเตียง แต่กลับรู้สึกเหมือนถูกลากไปยังที่ไหนสักแห่ง จนในที่สุดเขาได้ไปอยู่ในห้องหนึ่ง โดยมีเงาร่างสีขาวเอื้อมมือมาแตะหน้าอกของเขา และเริ่มทำอะไรบางอย่างในช่องอกด้วยเครื่องมือที่เขาไม่รู้จัก
มีผู้เข้าร่วมการทดลอง 26% ที่ฝันว่าได้มีโอกาสสนทนากับเอเลียน และอีก 12% ได้มีปฏิสัมพันธ์ทางร่างกายอย่างใดอย่างหนึ่งกับเอเลียนด้วย นอกจากนี้ ยังมีผู้ฝันเห็นยูเอฟโอ 28% โดย 10% ได้มีโอกาสเข้าไปภายในยานของมนุษย์ต่างดาว
ในบรรดาผู้เข้าร่วมการทดลองซึ่งเชื่อว่าสิ่งที่พบเห็นเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน 24% ของคนกลุ่มนี้มีอาการหวาดกลัวสุดขีดและขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้เหมือนถูกผีอำร่วมด้วย ซึ่งจัดเป็นอาการปกติของคนที่ฝันแบบ lucid dream
ดร. ไมเคิล ราดูกา หัวหน้านักวิจัยและผู้ก่อตั้งศูนย์ PRC กล่าวสรุปว่า "ความรู้สึกหวาดกลัวและการเป็นอัมพาตชั่วคราวนั้นรุนแรงมาก จนทำให้เส้นแบ่งระหว่างความฝันและความเป็นจริงเลือนหายไป สำหรับคนเหล่านี้แล้ว ประสบการณ์ถูกเอเลียนลักพาตัวนั้นเป็นเรื่องจริง เพียงแต่พวกเขาไม่รู้จะอธิบายออกมาให้เราเชื่อได้อย่างไรเท่านั้น"