ทีมนักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯเปิดเผย..การระเบิดของซูเปอร์โนวา อาจช่วยเร่งวิวัฒนาการ ทำให้มนุษย์โบราณเริ่มเดินสองขา
👉🏿ซากที่หลงเหลืออยู่ของซูเปอร์โนวา "แคสสิโอเปีย เอ" (Cas A ) แผ่รังสีคอสมิกที่มีความเร็วสูงสุดในจักรวาล ประกอบไปด้วยอนุภาคที่มีพลังงานสูงกว่าแสงหลายพันล้านเท่า
🗿มนุษย์โบราณ โฮโม อีเร็กตัส (Homo erectus) เป็นมนุษย์ที่ยืนตัวตรงได้เป็น..กลุ่มแรก..ฟ้าผ่าเป็นสาเหตุหนึ่งของไฟป่าที่เผาทำลายป่าทึบในทวีปแอฟริกา อันเป็นที่อยู่อาศัยของบรรพบุรุษมนุษย์ที่ยังคลานสี่ขา และใช้การห้อยโหนโยนตัวจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง
👉🏿เกิดการปั่นป่วนอากาศแปรปรวนของโลก..มาจากผลกระทบส่วนหนึ่งจากการระเบิด ของดาวฤกษ์ที่สิ้นอายุขัยหรือซูเปอร์โนวา (Supernova) อาจแผ่รังสีพลังรุนแรงมายังโลกเมื่อหลายล้านปีก่อน จนทำให้ชั้นบรรยากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงและส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของบรรพบุรุษมนุษย์
👉🏿โดยภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมแบบใหม่เร่งให้เกิดวิวัฒนาการ จากการคลานสี่ขากลายมาเป็นลุกขึ้นเดินด้วยสองขาแทน
✴️เหตุผลข้างต้นนี้...มีข้อมูลที่น่าสนใจมากนะครับเพราะว่ามันคือพฤติกรรมของมนุษย์และวิวัฒนาการการเอาตัวรอดที่แท้จริง...ตกใจจะการระเบิดภูเขาไฟหรือหนีไฟป่า จะมามั่วคลาน 4 ขามันช้าเกินไปก็เลยลุกขึ้นวิ่ง 2 ขามันจะเร็วกว่าว่างั้นเถอะ(เกิดวิวัฒนาการ จากการคลานสี่ขากลายมาเป็นลุกขึ้นเดินด้วยสองขาแทน)
🕺ทีมนักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ นำเสนอแนวคิดดังกล่าวในวารสาร The Journal of Geology ฉบับล่าสุด โดยชี้ว่าหลักฐานทางธรณีวิทยาและดาราศาสตร์ที่เพิ่งค้นพบหลายอย่าง เผยถึงความเป็นไปได้ที่เหตุระเบิดรุนแรงในห้วงอวกาศอันไกลโพ้น จะสามารถส่งผลกระทบมาถึงสิ่งมีชีวิตบนโลกดึกดำบรรพ์ได้
👩🏫ศาสตราจารย์ เอเดรียน เมลอตต์ นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคนซัส หนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้เสนอแนวคิดล่าสุดนี้อธิบายว่า เมื่อราว 7 ล้านปีก่อน ห้วงอวกาศแถบที่อยู่ใกล้กับระบบสุริยะเริ่มเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้น โดยมีซูเปอร์โนวาที่ระเบิดอย่างรุนแรงเกิดขึ้นหลายครั้ง แผ่รังสีคอสมิกซึ่งประกอบไปด้วยอนุภาคที่มีพลังงานสูงกว่าแสงหลายพันล้านเท่าออกมาด้วยความเร็วสูง
💥เหตุการณ์ปั่นป่วนในห้วงอวกาศนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้นหลายล้านปี โดยช่วงที่มีความรุนแรงมากที่สุดคือเมื่อราว 2.6 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ทราบได้จากร่องรอยของเหล็กกัมมันตรังสี (iron-60) ที่ก้นทะเลหลายแห่งทั่วโลก ซึ่งชี้ว่าเกิดเหตุการณ์รังสีคอสมิกที่มีพลังรุนแรง แผ่ทะลุชั้นบรรยากาศลงมาจนถึงพื้นผิวโลกในช่วงรอยต่อระหว่างสมัยไพลโอซีน (Pliocene Epoch) กับยุคน้ำแข็ง
🚄คาดว่ารังสีคอสมิกดังกล่าวมาจากเหตุการณ์ซูเปอร์โนวาซึ่งอยู่ห่างจากโลก 164 ปีแสง รังสีคอสมิกทรงพลังที่แผ่ออกมาได้ชนเข้ากับอะตอมของธาตุต่าง ๆ ในชั้นบรรยากาศโลก ทำให้อิเล็กตรอนหลุดออกและเพิ่มประจุไฟฟ้าในชั้นบรรยากาศให้สูงขึ้นกว่าเดิมถึง 50 เท่า นำไปสู่การเกิดฟ้าผ่าอย่างรุนแรงบ่อยครั้ง
มนุษย์โบราณ โฮโม อีเร็กตัส (Homo erectus) เป็นมนุษย์ที่ยืนตัวตรงได้เป็นกลุ่มแรก...ฟ้าผ่าเป็นสาเหตุหนึ่งของไฟป่าที่เผาทำลายป่าทึบในทวีปแอฟริกา อันเป็นที่อยู่อาศัยของบรรพบุรุษมนุษย์ที่ยังคลานสี่ขา และใช้การห้อยโหนโยนตัวจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง
การที่ไฟเผาทำลายป่าทึบไปและเกิดภูมิประเทศแบบทุ่งหญ้าสะวันนาขึ้นแทน ทำให้มนุษย์โบราณกลุ่มที่เริ่มยืนและเดินด้วยสองขาก่อนได้เปรียบในการดำรงชีวิต เพราะสามารถระวังภัยได้ดีกว่า และสามารถย้ายไปหาอาหารจากต้นไม้ที่ตั้งอยู่ห่างกันได้สะดวกกว่า ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มนุษย์สมัยใหม่มีวิวัฒนาการไปในทิศทางนี้
🙄เหตุการณ์ที่ซูเปอร์โนวาในห้วงอวกาศจะส่งผลกระทบใหญ่หลวงมายังโลกนั้น อาจเกิดขึ้นอีกได้ในอนาคต แต่นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่ายังไม่น่าเป็นห่วง เพราะดาวฤกษ์ที่จะสิ้นอายุขัยดวงต่อไปซึ่งอยู่ใกล้โลกมากที่สุดคือ "บีเทลจูส" (Betelgeuse) ดาวยักษ์ใหญ่แดง (Red supergiant)ในกลุ่มดาวนายพรานที่อยู่ห่างออกไป 642 ปีแสง และคาดว่าจะเกิดซูเปอร์โนวาในอีกราวหนึ่งแสนปีข้างหน้า
📰สาระข้อมูลเพิ่มเติม
โฮโมอิเร็กตัส (ชื่อวิทยาศาสตร์: Homo erectus, แปลว่า "มนุษย์ที่ยืนตรง" มาจากคำกริยาในภาษาละตินว่า ērigere ซึ่งแปลว่า ตั้งให้ตรง) เป็นสปีชีส์ของมนุษย์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ที่มีชีวิตอยู่เกือบทั้งสมัยไพลสโตซีน โดยมีหลักฐานซากดึกดำบรรพ์ที่เก่าแก่ที่สุดประมาณ 1.9 ล้านปีก่อน และหลักฐานที่ใหม่ที่สุดที่ 27,000 ปีก่อน เป็นสกุลที่เกิดในแอฟริกาและได้ย้ายถิ่นฐานกระจายไปจนถึงจอร์เจีย อินเดีย ลังกา จีน และเกาะชวา
ข้อมูลเบื้องต้น การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์, ชื่อทวินาม ...
นักวิชาการยังไม่มีมติร่วมกันเกี่ยวกับการจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับสกุลบรรพบุรุษ และเกี่ยวกับสกุลลูกหลานของ H. erectus แต่มีการจำแนกชั้นเป็นสองอย่างในปัจจุบันคือ
🦍เป็นอีกชื่อหนึ่งของมนุษย์สกุล H. ergaster และดังนั้น ก็จะเป็นบรรพบุรุษโดยตรงของมนุษย์สกุลหลัง ๆ รวมทั้ง H. heidelbergensis, H. neanderthalensis, และ Homo sapiens..หรือว่าเป็นชื่อของสปีชีส์ที่มีในทวีปเอเชีย และเป็นสปีชีส์ต่างหากจาก H. ergaster ซึ่งอยู่ในแอฟริกา (ดูสาระสำคัญของทฤษฎีต่าง ๆ
👩🏫นักบรรพมานุษยวิทยาบางท่านพิจารณา H. ergaster ว่าเป็นบรรพบุรุษของ H. erectus ที่อยู่ในแอฟริกา และดังนั้นจึงมีการใช้ศัพท์ว่า "Homo erectus sensu stricto" สำหรับ H. erectus ซึ่งเป็นสกุลลูกหลานที่อยู่ในเอเชีย และคำว่า "Homo erectus sensu lato" สำหรับสปีชีส์ที่รวมทั้งกลุ่มบรรพบุรุษในแอฟริกา (H. ergaster) และกลุ่มลูกหลาน (H. erectus) ในเอเชีย
👉🏿📰ในปี ค.ศ. 2013 มีการตีพิมพ์งานวิจัยเกี่ยวกับกะโหลกศีรษะที่ค้นพบในโบราณสถาน Dmanisi ประเทศจอร์เจีย เขตคอเคซัส (Dmanisi skull 5 หรือ D4500) เนื่องจากพบว่า มีความแตกต่างกันโดยสัณฐานในระดับสูงของกะโหลกศีรษะต่าง ๆ ที่พบ
🧔🏻นักวิจัยจึงได้เสนอว่า สปีชีส์ต่าง ๆ ของบรรพบุรุษมนุษย์รวมทั้ง H. ergaster, H. heidelbergensis และแม้กระทั่ง H. habilis ความจริงแล้วเป็นสปีชีส์เดียวกันคือ H. erectus...