ทฤษฎี“โลกและจักรวาล ถูกสร้างขึ้นในห้องทดลองของอารยธรรมที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง”คุณเชื่อหรือไม่
คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็เป็นสิทธิ์ที่ทุกคนคิดและจินตนาการเพ้อฝัน
แต่ก็มีทฤษฎีนำเสนอเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับความเชื่อต่างๆ
บางทฤษฎีหรือความเชื่อทางศาสนาในหลายๆศาสนาจะเชื่อและอ้างว่าพระเจ้าสร้างโลกสร้างจักรวาลและอื่นๆ
แต่ก็มีอีกหลายทฤษฎีความเชื่อที่ขัดแย้งบอกว่าจักรวาล มนุษย์ และอื่นๆถูกวางระบบและจัดสร้างโดย มนุษย์ต่างดาวหรือสิ่งที่มีอารยธรรมชั้นสูง วิวัฒนาการสูงมากเป็นผู้สร้าง
แต่เรายังหาบทสรุปไม่ได้ อย่างไรเราจะเชื่ออะไร ก็แล้วแต่ต้องมีเหตุผล และ มีสมมุติฐาน ข้อมูลอ้างอิง ทดลอง หรือที่สามารถจับต้องได้นั่นคือหลักทางวิทยาศาสตร์นั่นเอง
แต่ก็อย่างว่าล่ะครับความเชื่อมันมีทั้งสองฝ่ายอีกฝ่ายหนึ่งบอกพระเจ้าสร้างอีกฝ่ายหนึ่งบอกสิ่งที่มีอารยธรรมชั้นสูง สร้าง
สรุปเอาง่ายๆวันนี้เราจะนำเสนอข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่ไม่ใช่เกี่ยวกับพระเจ้าสร้างมนุษย์โลกหรืออะไรทั้งสิ้น
👉🏿สมมติฐานแพนสเปอร์เมียได้ชี้นำเกี่ยวกับการส่งผ่านจุลชีพในอวกาศ, โดยเจตนาส่งตรงมายังโลกเพื่อเริ่มต้นชีวิตขึ้นที่นี่, หรือส่งมาจากโลกเพื่อสร้างระบบดาวฤกษ์ขึ้นใหม่ด้วยชีวิต สองนักวิทยาศาสตร์ผู้ได้รับรางวัลโนเบล ฟรานซิส คริก (Francis Crick) พร้อมกับ เลสลี่ ออร์เกล (Leslie Orgel) เสนอว่าเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตอาจได้รับการแพร่กระจายอย่างจงใจโดยอารยธรรมชั้นสูงนอกโลก,
👉🏿แต่เมื่อพิจารณา "สมมติฐานโลกของ RNA" (RNA world) ตั้งแต่แรก คริก ตั้งข้อสังเกตในภายหลังว่าชีวิตอาจก่อกำเนิดเกิดขึ้นบนโลกของเรานี่เอง
👉🏿ทฤษฎีว่าด้วย โลกเป็นเพียงห้องทดลองของสิ่งมีชีวิตชั้นสูง
การพัฒนาเทคโนโลยีแรงโน้มถ่วงควอนตัม อาจยกระดับมนุษย์เราให้เป็นอารยธรรม "คลาส A" ที่สามารถสร้างจักรวาลแรกเกิดได้ ความลึกลับเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของจักรวาลที่เราอยู่ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนบิ๊กแบง แล้วจักรวาลของเรามาจากไหน?
มีการคาดเดามากมายเกี่ยวกับต้นกำเนิดจักรวาลของเรา รวมถึงแนวคิดที่ว่าจักรวาลของเราเกิดจากการผันผวนของสุญญากาศ หรือเป็นวัฏจักรที่มีการหดตัวและขยายตัวซ้ำๆ หรือถูกเลือกโดยหลักการมานุษยวิทยาจากทฤษฎีสตริง ตามที่ Alan Guth นักจักรวาลวิทยาของ MIT กล่าวว่า “ทุกสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้จะเกิดขึ้น ..จำนวนนับไม่ถ้วน ” หรือเกิดขึ้นจากการล่มสลายของสสารภายในหลุมดำ
👉🏿ยังมีอีกทฤษฎีที่เป็นไปได้ ที่ไม่ค่อยมีการพูดถึงคือ “จักรวาลของเราถูกสร้างขึ้นในห้องทดลองของอารยธรรมที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง” เนื่องจากจักรวาลของเรามีรูปทรงแบนราบและมีพลังงานสุทธิเป็นศูนย์
อารยธรรมชั้นสูงอาจสามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถสร้างเอกภพแรกเกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่าผ่านอุโมงค์ควอนตัม
แม้เราจะยังไม่มีความสามารถในการเข้าใจในเรื่องของสองเสาหลักของฟิสิกส์สมัยใหม่ “กลศาสตร์ควอนตัมและแรงโน้มถ่วง” แต่อารยธรรมที่ล้ำหน้ากว่านั้นอาจทำสำเร็จและเชี่ยวชาญเทคโนโลยีในการสร้างจักรวาลแรกเกิดก็เป็นได้ หากสิ่งนี้เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่มันสามารถอธิบายต้นกำเนิดของจักรวาลของเราได้เท่านั้น แต่ยังเป็นไปได้ว่าจะมีจักรวาลที่แบนเหมือนเรา
👉🏿ถ้าเป็นเช่นนั้น จักรวาลของเราไม่ได้ถูกเลือกให้เราดำรงอยู่ในนั้น ..ตามการใช้เหตุผลแบบมานุษยวิทยา แต่ถูกเลือกมาเพื่อให้เกิดอารยธรรมที่ก้าวหน้ากว่าที่เราเป็นอยู่มาก “เด็กที่ฉลาดกว่าในระบบจักรวาลของเรา” เหล่านั้น
ซึ่งมีความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีที่จำเป็นในการผลิตเอกภพแรกเกิด เป็นตัวขับเคลื่อนของกระบวนการคัดเลือกดาร์วิน ในจักรวาล ในขณะที่เรายังไม่สามารถเปิดใช้งานการเกิดใหม่ของสภาวะจักรวาลที่นำไปสู่การดำรงอยู่ของเรา วิธีหนึ่งที่จะพูดก็คือ อารยธรรมของเรายังคงปลอดเชื้อในจักรวาล เนื่องจากเรายังไม่สามารถสร้างโลกที่สร้างเราขึ้นมาใหม่ได้
ด้วยมุมมองนี้ ระดับเทคโนโลยีของอารยธรรมไม่ควรประเมินโดยวิธีการใช้พลังงาน แต่ควรวัดด้วยความสามารถของอารยธรรมในการสร้างสภาพทางฟิสิกส์ดาราศาสตร์ที่นำไปสู่การดำรงอยู่ของมัน
👉🏿ณ ตอนนี้ เรายังเป็นอารยธรรมเทคโนโลยีระดับต่ำ จัดระดับคลาส C ในระดับจักรวาล เนื่องจากเราไม่สามารถสร้างสภาพที่น่าอยู่ขึ้นมาใหม่ได้ แต่ความจริงการบอกว่าเราเป็นคลาส C อาจมองโลกในแง่ดีเกินไป เพราะเราอาจถูกประเมินว่าเป็นคลาส D เนื่องจากเรากำลังทำลายที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติบนโลก ผ่านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีของเราเอง
👉🏿หากเป็นคลาส B อารยธรรมจะสามารถปรับเงื่อนไขในสภาพแวดล้อมของมันทันทีให้เป็นอิสระจากดาวแม่ อารยธรรมรคลาส A สามารถสร้างเงื่อนไขของจักรวาลที่ก่อให้เกิดการดำรงอยู่ของมันขึ้นมาใหม่ได้ กล่าวคือสร้างจักรวาลแรกเกิดในห้องทดลองได้นั้นเอง
ก็เป็นอย่างที่อธิบาย มันเป็นหนึ่งในทฤษฎีที่แปลกประหลาด มันเหมือนหลุดมาจากนิยายวิทยาศาสตร์ แต่หากไม่เกิดคำถามที่แปลกใหม่ ก็จะไม่มีคำตอบหรือสิ่งใหม่ๆ เช่นเดียวกัน ..สุดท้ายก็หวังว่าอีกล้านปีโลกเราจะเป็นอารยธรรมรคลาส A
0
👉🏿ชาลส์ ดาร์วิน ผู้ทำการปฏิวัติความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับที่มาของสิ่งมีชีวิต และเสนอทฤษฎีซึ่งเป็นทั้งรากฐานของทฤษฎีวิวัฒนาการสมัยใหม่ และหลักการพื้นฐานของกลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (natural selection)
งานตีพิมพ์ข้อเสนอของเขาในปี ค.ศ. 1859 ในหนังสือชื่อ The Origin of Species (กำเนิดของสรรพชีวิต)
👉🏿ซึ่งเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขา ผลงานนี้ปฏิเสธแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่เคยมีมาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของสปีชีส์” .. อ่านการคัดเลือกของดาร์วิน (ภาษาอังกฤษ)