ทีมนักดาราศาสตร์จากสเปนค้นพบระบบสุริยะใหม่อีก 2 ระบบ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากโลกไปราว 160 ปีแสง โดยดาวเคราะห์ในระบบสุริยะดังกล่าวมีขนาดใกล้เคียงกับโลก แต่สภาพแวดล้อมของดาวอาจไม่เหมาะสมต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต
สถาบันฟิสิกส์ดาราศาสตร์ IAC ของสเปน ตีพิมพ์ผลการค้นพบดังกล่าวลงในวารสารรายเดือนของราชสมาคมดาราศาสตร์กรุงลอนดอน (MNRAS) โดยระบุว่าได้ค้นพบระบบสุริยะใหม่ดังกล่าวด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ในส่วนของภารกิจเคทู (K2) ซึ่งมุ่งค้นหาดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่โคจรรอบดาวฤกษ์ชนิดดาวแคระแดง (Red dwarf) เป็นหลัก
ทีมนักดาราศาสตร์ได้สังเกตเห็นปรากฏการณ์ทรานซิต (Transit) ที่ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะค้นพบใหม่เคลื่อนผ่านหน้าดาวฤกษ์ของตน ทำให้ทราบได้ว่ามีระบบสุริยะทั้งสองอยู่
ระบบสุริยะที่ค้นพบใหม่แห่งหนึ่งเป็นของดาวฤกษ์ K2-239 ซึ่งเป็นดาวแคระแดงที่มีดาวเคราะห์บริวารอย่างน้อย 3 ดวงโคจรวนรอบ ดาวเคราะห์ในระบบดังกล่าวมีโครงสร้างเป็นหินแข็งและมีขนาดใกล้เคียงกับโลก โดยหนึ่งในจำนวนนั้นมีขนาดเท่ากับโลกพอดี
ส่วนระบบสุริยะที่ค้นพบใหม่อีกแห่งหนึ่งเป็นของดาวฤกษ์ K2-240 ซึ่งมีดาวบริวาร 2 ดวง โดยดาวเคราะห์ในกลุ่มนี้มีโครงสร้างคล้ายคลึงกับโลก แต่มีขนาดใหญ่กว่าโลกราว 2 เท่า หรือที่เรียกกันว่าดาวเคราะห์จำพวกซูเปอร์เอิร์ธ (Super-Earth)
แม้ดาวแคระแดงที่เป็นดาวฤกษ์ศูนย์กลางของสองระบบสุริยะนี้จะมีอายุมากและมีขนาดเล็ก จนมีอุณหภูมิเพียงครึ่งเดียวของดวงอาทิตย์เท่านั้น แต่การที่ดาวเคราะห์บริวารอยู่ชิดติดกับดาวฤกษ์มาก อาจทำให้อุณหภูมิพื้นผิวสูงกว่าบนโลกหลายสิบองศาเซลเซียส รวมทั้งอาจได้รับรังสีอันตรายรุนแรงเข้าโดยตรง จนสิ่งมีชีวิตไม่อาจอาศัยอยู่ได้
ทีมนักดาราศาสตร์หวังว่า จะได้สำรวจหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบสุริยะทั้งสองให้มากขึ้นในอนาคต ด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์เว็บบ์ (James Webb Space Telescope ) ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเตรียมนำขึ้นปฏิบัติการในอวกาศเร็ว ๆ นี้
