อูมัวมัวกลายเป็นวัตถุแรกจาก
นอกระบบสุริยะที่มนุษย์เราค้นพบ ซึ่งจากการวิเคราะห์ มันมีความเร็วในการเคลื่อนที่เฉลี่ย 26 กิโลเมตรต่อวินาที มีความเร็วสูงสุด 87 กิโลเมตรต่อวินาที ความเร็วที่มากมายขนาดนี้ทำให้นัก
ดาราศาสตร์มั่นใจว่ามันเป็นวัตถุที่พุ่งมาจากนอกระบบสุริยะอย่างแน่นอน
ความน่าสนใจคืออูมัวมัวมีความเร่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในระหว่างที่โคจร ทำให้ในช่วงนี้สื่อจำนวนมากรายงานข่าวว่าอูมัวมัวอาจเป็นยานอวกาศของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญานอกระบบสุริยะ
มันจึงเป็นผู้มาเยือนที่ทิ้งคำถามไว้มากมาย เช่น องค์ประกอบของมันคืออะไร มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และมันมาจากที่ไหนกันแน่
เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2017 นักดาราศาสตร์ประกาศการค้นพบวัตถุจากนอกระบบสุริยะที่เคลื่อนที่เข้ามาในระบบสุริยะของเรา วัตถุดังกล่าวถูกค้นพบโดย โรเบิร์ต เวริก นักดาราศาสตร์ชาวแคนาดา
เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2017 นักดาราศาสตร์ประกาศการค้นพบวัตถุจากนอกระบบสุริยะที่เคลื่อนที่เข้ามาในระบบสุริยะของเรา วัตถุดังกล่าวถูกค้นพบโดย โรเบิร์ต เวริก นักดาราศาสตร์ชาวแคนาดา
โดยเขาใช้กล้องโทรทรรศน์ Pan-STARRS 1 ที่ฮาวายในการค้นพบวัตถุดังกล่าว
Photo: NASA / JPL-Caltech
เมื่อทำการวิเคราะห์ก็พบว่าวัตถุปริศนานี้มีความเร็วในการเคลื่อนที่เฉลี่ย 26 กิโลเมตรต่อวินาที มีความเร็วสูงสุด 87 กิโลเมตรต่อวินาที และมีวงโคจรเป็นรูปไฮเปอร์โบลา ซึ่งเมื่อเคลื่อนที่เข้ามาในระบบสุริยะแล้วมันจะพุ่งห่างออกไป
โดยไม่กลับมาอีกเลย ความเร็วที่มากมายขนาดนี้ทำให้นักดาราศาสตร์มั่นใจว่ามันเป็นวัตถุที่พุ่งมาจากนอกระบบสุริยะอย่างแน่นอน เพราะลำพังแรงโน้มถ่วงจากดวงอาทิตย์ไม่สามารถทำให้วัตถุมีความเร็วขนาดนี้ได้ ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2017 มีการตั้งชื่อเรียกวัตถุนี้ว่า อูมัวมัว (Oumuamua) ซึ่งเป็นภาษาฮาวาย หมายถึง ผู้สอดแนม อูมัวมัวกลายเป็นวัตถุแรกจากนอกระบบสุริยะที่มนุษย์เราค้นพบ! น่าเสียดายที่มนุษย์เราไม่สามารถส่งยานอวกาศเข้าไปใกล้ๆ อูมัวมัวแล้วถ่ายรูปมันอย่างชัดเจนได้
ภาพที่ปรากฏต่อนักดาราศาสตร์คือจุดแสงเล็กๆ ที่เปลี่ยนความสว่างไปมา แต่นักดาราศาสตร์วัดแสงที่อูมัวมัวสะท้อนจากดวงอาทิตย์มาทำการวิเคราะห์เพื่อหารูปทรงของมัน ผลการวิเคราะห์พบว่าอูมัวมัวมีลักษณะเป็นแท่งยาวราว 800 เมตรคล้ายกับซิการ์ขนาดยักษ์ ส่วนด้านสั้นอาจยาวในหลักร้อยเมตร
นักดาราศาสตร์ทายได้เนื่องจากความสว่างของมันมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ส่วนวัตถุที่มีลักษณะกลมจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงความสว่างมากเช่นนี้ ความสว่างที่เปลี่ยนแปลงยังบอกเราได้ด้วยว่าอูมัวมัวไม่ได้หมุนรอบตัวเองแบบง่ายๆ เหมือนไก่ที่ถูกเสียบไม้แล้วหมุนอยู่เหนือเตา แต่มันหมุนอย่างซับซ้อนด้วยแกนหมุนสองแกน
ความน่าสนใจคืออูมัวมัวมีความเร่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในระหว่างที่โคจร ทำให้ในช่วงนี้สื่อจำนวนมากรายงานข่าวว่าอูมัวมัวอาจเป็นยานอวกาศของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญานอกระบบสุริยะ เนื่องจากมันมีความเร่งเพิ่มขึ้นราวกับยานอวกาศที่เร่งทะยาน นักวิทยาศาสตร์มีความเชื่อว่าโลกไม่ใช่สถานที่พิเศษกว่าที่ไหนในเอกภพ หากดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม ย่อมมีสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดและวิวัฒนาการจนสามารถเรียนรู้และสร้างสรรค์เทคโนโลยีได้
แต่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เคยพบเห็นร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นเลยแม้เล็กน้อย ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงไม่อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติใดๆ ด้วยทฤษฎีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา พูดง่ายๆ ว่านักวิทยาศาสตร์จะไม่ใช้สิ่งที่ไม่มั่นใจว่ามีอยู่จริงหรือไม่มาสร้างคำอธิบาย การที่อูมัวมัวสามารถมีความเร่งเพิ่มขึ้นได้
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าน่าจะเกิดจากการระเหิดของสสารที่ประกอบเป็นอูมัวมัว โดยลำของสสารจากอูมัวมัวที่ระเหิดพุ่งออกไปเป็นเหมือนไอพ่นของจรวด แต่กล้องโทรทรรศน์ที่ใช้สังเกตไม่สามารถตรวจจับได้ หากนักวิทยาศาสตร์พบว่ามันมีการเคลื่อนที่ที่ผิดปกติมาก (เช่น เคลื่อนที่แบบซิกแซก) จนไม่สามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎีฟิสิกส์ใดๆ ถึงตอนนั้นสมมติฐานที่ว่าอูมัวมัวเป็นยานอวกาศของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาก็น่าจะเป็นคำอธิบายที่น่าฟังขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2018 นักวิทยาศาสตร์จาก Harvard-Smithsonian Center for Astrophysics ตั้งข้อสังเกตว่าบางทีความเร่งของอูมัวมัวอาจจะเกิดจากแรงดันแสงอาทิตย์ก็ได้ ซึ่งอูมัวมัวอาจจะบางกว่าที่คิดกันไว้ พวกเขาเสนอว่าเป็นไปได้ที่อูมัวมัวอาจเป็น ‘เรือใบ’ ดาวฤกษ์ที่อาศัยแรงดันแสงจากดาวฤกษ์อื่นจนหลุดเข้ามาในระบบสุริยะของเรา แล้วเดินทางต่อไปในระบบดาวอื่น แม้แนวคิดนี้จะน่าสนใจ แต่มันคงต้องผ่านการตรวจสอบอีกมากกว่าจะได้รับการยอมรับจากนักวิทยาศาสตร์ส่วนมาก ปัญหาสำคัญในการศึกษาอูมัวมัวคือในตอนนี้มันโคจรห่างออกไปจนนักดาราศาสตร์ไม่สามารถสังเกตมันด้วยกล้องโทรทรรศน์ได้อีกต่อไปแล้ว
การศึกษาที่มีในตอนนี้คือการนำข้อมูลที่เก็บได้มาวิเคราะห์
มันจึงเป็นผู้มาเยือนที่ทิ้งคำถามไว้มากมาย เช่น องค์ประกอบของมันคืออะไร มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และมันมาจากที่ไหนกันแน่ กล่าวคือมันเป็นวัตถุที่มาจากระบบดาวฤกษ์ภายในกาแล็กซีทางช้างเผือกของเรา หรือมันโคจรหลุดมาจากระบบดาวในกาแล็กซีอื่นๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไปมาก
โดยไม่กลับมาอีกเลย ความเร็วที่มากมายขนาดนี้ทำให้นักดาราศาสตร์มั่นใจว่ามันเป็นวัตถุที่พุ่งมาจากนอกระบบสุริยะอย่างแน่นอน เพราะลำพังแรงโน้มถ่วงจากดวงอาทิตย์ไม่สามารถทำให้วัตถุมีความเร็วขนาดนี้ได้ ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2017 มีการตั้งชื่อเรียกวัตถุนี้ว่า อูมัวมัว (Oumuamua) ซึ่งเป็นภาษาฮาวาย หมายถึง ผู้สอดแนม อูมัวมัวกลายเป็นวัตถุแรกจากนอกระบบสุริยะที่มนุษย์เราค้นพบ! น่าเสียดายที่มนุษย์เราไม่สามารถส่งยานอวกาศเข้าไปใกล้ๆ อูมัวมัวแล้วถ่ายรูปมันอย่างชัดเจนได้
ภาพที่ปรากฏต่อนักดาราศาสตร์คือจุดแสงเล็กๆ ที่เปลี่ยนความสว่างไปมา แต่นักดาราศาสตร์วัดแสงที่อูมัวมัวสะท้อนจากดวงอาทิตย์มาทำการวิเคราะห์เพื่อหารูปทรงของมัน ผลการวิเคราะห์พบว่าอูมัวมัวมีลักษณะเป็นแท่งยาวราว 800 เมตรคล้ายกับซิการ์ขนาดยักษ์ ส่วนด้านสั้นอาจยาวในหลักร้อยเมตร
นักดาราศาสตร์ทายได้เนื่องจากความสว่างของมันมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ส่วนวัตถุที่มีลักษณะกลมจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงความสว่างมากเช่นนี้ ความสว่างที่เปลี่ยนแปลงยังบอกเราได้ด้วยว่าอูมัวมัวไม่ได้หมุนรอบตัวเองแบบง่ายๆ เหมือนไก่ที่ถูกเสียบไม้แล้วหมุนอยู่เหนือเตา แต่มันหมุนอย่างซับซ้อนด้วยแกนหมุนสองแกน
ความน่าสนใจคืออูมัวมัวมีความเร่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในระหว่างที่โคจร ทำให้ในช่วงนี้สื่อจำนวนมากรายงานข่าวว่าอูมัวมัวอาจเป็นยานอวกาศของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญานอกระบบสุริยะ เนื่องจากมันมีความเร่งเพิ่มขึ้นราวกับยานอวกาศที่เร่งทะยาน นักวิทยาศาสตร์มีความเชื่อว่าโลกไม่ใช่สถานที่พิเศษกว่าที่ไหนในเอกภพ หากดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม ย่อมมีสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดและวิวัฒนาการจนสามารถเรียนรู้และสร้างสรรค์เทคโนโลยีได้
แต่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เคยพบเห็นร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่นเลยแม้เล็กน้อย ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงไม่อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติใดๆ ด้วยทฤษฎีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา พูดง่ายๆ ว่านักวิทยาศาสตร์จะไม่ใช้สิ่งที่ไม่มั่นใจว่ามีอยู่จริงหรือไม่มาสร้างคำอธิบาย การที่อูมัวมัวสามารถมีความเร่งเพิ่มขึ้นได้
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าน่าจะเกิดจากการระเหิดของสสารที่ประกอบเป็นอูมัวมัว โดยลำของสสารจากอูมัวมัวที่ระเหิดพุ่งออกไปเป็นเหมือนไอพ่นของจรวด แต่กล้องโทรทรรศน์ที่ใช้สังเกตไม่สามารถตรวจจับได้ หากนักวิทยาศาสตร์พบว่ามันมีการเคลื่อนที่ที่ผิดปกติมาก (เช่น เคลื่อนที่แบบซิกแซก) จนไม่สามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎีฟิสิกส์ใดๆ ถึงตอนนั้นสมมติฐานที่ว่าอูมัวมัวเป็นยานอวกาศของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาก็น่าจะเป็นคำอธิบายที่น่าฟังขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2018 นักวิทยาศาสตร์จาก Harvard-Smithsonian Center for Astrophysics ตั้งข้อสังเกตว่าบางทีความเร่งของอูมัวมัวอาจจะเกิดจากแรงดันแสงอาทิตย์ก็ได้ ซึ่งอูมัวมัวอาจจะบางกว่าที่คิดกันไว้ พวกเขาเสนอว่าเป็นไปได้ที่อูมัวมัวอาจเป็น ‘เรือใบ’ ดาวฤกษ์ที่อาศัยแรงดันแสงจากดาวฤกษ์อื่นจนหลุดเข้ามาในระบบสุริยะของเรา แล้วเดินทางต่อไปในระบบดาวอื่น แม้แนวคิดนี้จะน่าสนใจ แต่มันคงต้องผ่านการตรวจสอบอีกมากกว่าจะได้รับการยอมรับจากนักวิทยาศาสตร์ส่วนมาก ปัญหาสำคัญในการศึกษาอูมัวมัวคือในตอนนี้มันโคจรห่างออกไปจนนักดาราศาสตร์ไม่สามารถสังเกตมันด้วยกล้องโทรทรรศน์ได้อีกต่อไปแล้ว