Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ดวงอาทิตย์จะกลายเป็น เนบิวลาดาวเคราะห์เมื่อสิ้นอายุขัย

ดวงอาทิตย์จะกลายเป็น “เนบิวลาดาวเคราะห์” เมื่อสิ้นอายุขัย
แม้นักดาราศาสตร์จะทราบกันมานานแล้วว่า ในอีก 5,000 ล้านปีข้างหน้า ดวงอาทิตย์จะถึงจุดจบเมื่อเผาผลาญเชื้อเพลิงหมดสิ้นไป แต่ชะตากรรมของมันหลังจากนั้นยังไม่มีผู้ใดรู้ได้อย่างแน่ชัด
ล่าสุดผลการศึกษาของทีมนักดาราศาสตร์จากโปแลนด์ อาร์เจนตินา และสหราชอาณาจักร ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Astronomy ระบุว่า ผลการวิเคราะห์ด้วยแบบจำลองคอมพิวเตอร์ใหม่ ได้ทำนายถึงวาระสุดท้ายของดวงอาทิตย์ว่าจะกลายสภาพเป็น "เนบิวลาดาวเคราะห์" (Planetary nebula) หรือกลุ่มฝุ่นละอองและก๊าซเรืองแสงขนาดใหญ่
ภาพจากฝีมือศิลปิน ของ เนบิวลาดาวเคราะห์ Abell 39
ซึ่งอยู่ห่างจากโลก 7,000 ปีแสง
ก่อนหน้านี้มีการสันนิษฐานกันว่า ดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ขนาดปานกลางจะหดตัวลงเป็นดาวแคระขาวในวาระสุดท้าย เนื่องจากมีมวลไม่มากพอที่จะเกิดการระเบิดแบบซูเปอร์โนวา แต่อย่างไรก็ตาม ผลวิเคราะห์ใหม่กลับชี้ว่า ดวงอาทิตย์จะทิ้งร่องรอยหลังความตายไว้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจมากกว่านั้น
ศาสตราจารย์ Albert Zijlstra จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ของสหราชอาณาจักร ผู้นำทีมวิจัยดังกล่าวบอกว่า

 "แม้เนบิวลาดาวเคราะห์ที่เกิดจากดวงอาทิตย์หลังสิ้นอายุขัยจะส่องสว่างได้ไม่มากนัก แต่ก็ยังสังเกตเห็นได้จากภายในขอบเขต 2 ล้านปีแสงโดยรอบ 
ซึ่งบริเวณนี้รวมถึงกาแล็กซีแอนดรอมิดาด้วย"
ศ. Zijlstra อธิบายว่า เมื่อดวงอาทิตย์ใช้ไฮโดรเจนที่แกนกลางหมดไป ศูนย์กลางของดาวจะยุบตัวลงและเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่ด้านนอก ทำให้ดวงอาทิตย์ขยายขนาดขึ้นเป็นดาวยักษ์แดง ซึ่งอาจกลืนกินดาวพุธและดาวศุกร์ไปด้วย

เมื่อผิวส่วนนอกของดวงอาทิตย์ระเบิดออก ดาวจะสูญเสียมวลไปครึ่งหนึ่ง แต่แกนกลางที่เหลือจะร้อนขึ้นถึง 30,000 องศาเซลเซียสอย่างรวดเร็ว รวมทั้งแผ่รังสีเอกซ์และรังสีอัลตราไวโอเลตออกมา จนทำให้มวลสารที่ระเบิดออกไปก่อนหน้านั้นเรืองแสงขึ้น ซึ่งเนบิวลาดาวเคราะห์นี้จะส่องสว่างอยู่นานราว
10,000 ปี

อย่างไรก็ตาม มนุษย์จะไม่มีโอกาสได้เห็นวาระสุดท้ายของดวงอาทิตย์ เพราะยิ่งมีอายุมากขึ้น ดวงอาทิตย์ก็จะยิ่งมีอุณหภูมิสูงขึ้น จนในอีกราว 2,000 ล้านปีข้างหน้าดวงอาทิตย์จะร้อนจนถึงขั้นทำให้น้ำในมหาสมุทรเดือดได้

รายการบล็อกของฉัน