![]() |
"ลูกบอลหิน"ประหลาด บนดาวอังคาร!
"คิวริออสซิตี้" ยานหุ่นยนต์เพื่อการสำรวจพื้นผิวดาวอังคาร ที่กำลังสำรวจด้วยการเจาะเพื่อตรวจสอบองค์ประกอบทางเคมีของพื้นผิวดาวอังคารในหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่และเก่าแก่แห่งหนึ่งที่เรียกว่า "เกล เครเตอร์"
"คิวริออสซิตี้" ยานหุ่นยนต์เพื่อการสำรวจพื้นผิวดาวอังคาร ที่กำลังสำรวจด้วยการเจาะเพื่อตรวจสอบองค์ประกอบทางเคมีของพื้นผิวดาวอังคารในหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่และเก่าแก่แห่งหนึ่งที่เรียกว่า "เกล เครเตอร์"
มักมีภาพถ่ายที่ทำให้ผู้คนบนโลกงุนงงกันเล่นอยู่บ่อยๆ ทำนองเดียวกันกับภาพที่ส่งมายังห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ดาวอังคาร
(เอ็มเอสแอล) ขององค์การบริหารการบินอวกาศแห่งชาติ(นาซา)
แล้วถูกเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา จะเห็นลูกบอลทรงกลมดิกอยู่ทางด้านบนขวาของภาพอย่างชัดเจน
บางคนบอกว่ารูปร่างมันกลมจนไม่น่าจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีบ้างบอกว่ารูปร่างเหมือนลูกกอล์ฟเปื้อนฝุ่นดาวอังคาร อีกบางคนบอกว่าเหมือนกับลูกกระสุนปืนใหญ่ยุคศตวรรษที่ 16 แล้วก็มีเหมือนกันเล่าขานกันจนเป็นเรื่องเป็นราวถึงมนุษย์ต่างดาวไปโน่น
นักวิทยาศาสตร์ของเอ็มเอสแอลซึ่งประจำอยู่ที่ห้องปฏิบัติการเจ็ทโพรพัลชั่น (เจพีแอล) ของนาซา ยืนยันว่า ลูกบอลที่ว่านั้นไม่ได้ใหญ่โตอะไร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราว 1 เซนติเมตรเท่านั้นเอง แล้วก็อธิบายเอาไว้ว่า เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในธรรมชาติเรียกว่า "คอนครีชั่น" โดยมีน้ำเป็นปัจจัยสำคัญ เคยมียานสำรวจดาวอังคารก่อนหน้านี้พบเห็นมาแล้วบ่อยครั้ง เช่นก้อนหิน "บลูเบอร์รี่" ที่ มาร์ส ออพโพจูนิตี้ เคยถ่ายไว้เมื่อปี 2004 เป็นต้น
"คอนครีชั่น" คือการเกาะตัวรวมกันเป็นก้อน มักเกิดขึ้นเมื่อมีการรวมตัวกันของหินชั้นหรือหินตะกอน เกิดขึ้นได้ทั้งบนโลกและบนดาวอังคาร แต่แน่นอนต้องย้อนหลังกลับไปเมื่อหลายล้านปีก่อนเมื่อครั้งที่ดาวอังคารยังเต็มไปด้วยน้ำที่เป็นของเหลวอยู่ เมื่อน้ำเหล่านั้นไหลพัดพาเอาตะกอนมากองรวมกันไว้ ภายในหินชั้นหรือหินตะกอนที่ก่อรูปขึ้นใหม่ๆ
มักมีรูพรุน เป็นช่องทางให้สารแร่บางอย่างแทรกซึมเข้าไป จากนั้นก็ค่อยๆ สะสมกลายเป็นส่วนของหินที่ทนทานต่อการเสียดสีและกัดกร่อน นานเข้าเมื่อส่วนที่อ่อนนุ่มกว่าถูกกัดกร่อนหายไป ก็จะหลงเหลือส่วนที่เป็น "คอนครีชั่น" ทิ้งเอาไว้ให้เห็น
มักมีรูพรุน เป็นช่องทางให้สารแร่บางอย่างแทรกซึมเข้าไป จากนั้นก็ค่อยๆ สะสมกลายเป็นส่วนของหินที่ทนทานต่อการเสียดสีและกัดกร่อน นานเข้าเมื่อส่วนที่อ่อนนุ่มกว่าถูกกัดกร่อนหายไป ก็จะหลงเหลือส่วนที่เป็น "คอนครีชั่น" ทิ้งเอาไว้ให้เห็น
นักวิทยาศาสตร์ของนาซาคาดว่า ถ้าไม่เป็นลูกบอลหินทรงกลมที่หลงเหลือจากชั้นหินตะกอนในบริเวณดังกล่าวมันก็อาจกลิ้่งมาจากที่ไหนสักที่ ตามกาลเวลาที่ผ่านไป ก่อนที่จะถูกถ่ายภาพไว้นั่นเอง