OLYMPUS MONS ภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดของระบบสุริยะจักรวาล
เมื่อเราเข้าใกล้ดาวอังคาร เราก็สะดุดตากับภูเขาขนาดยักษ์ลูกนี้ ฐานของมันมีขนาดเกือบ 350 ไมล์ เหมือนกับภูเขาที่มีฐานจากลอสแอนเจลิสถึงซานฟรานซิสโก ถึงแม้ว่ามันจะสูงมากแต่เนินของมันค่อยๆชัน มันไม่ใช่ภูเขาไฟที่สูงชัน มันราบเรียบเป็นเนินต่ำๆ แต่ว่ามันก็ไม่สิ้นสุดสักที ถ้าคุณปีน 13 ไมล์ถึงยอดเขา
คุณอาจเห็นวิวชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร Olympus Mons อาจจะสูงกว่าภูเขาที่สูงที่สุดบนโลกหลายเท่า และฐานของมันก็กว้างนับร้อยไมล์ มันก่อตัวขึ้นเมื่อกว่าพันล้านปีก่อนจากการระเบิดครั้งแล้วครั้งเล่าของภูเขาไฟ ซึ่งมันค่อยๆปกคลุมพื้นดินด้วยชั้นของลาวานั่นเอง 100 ล้านปีก่อน สายลาวาร้อนไหลทะลักลงมาจากยอดเขาปกคลุมพื้นที่นับล้านตารางไมล์บนดาวแดง ปัจจุบันนี้ Olympus Mons เป็นภูเขาที่มีมวลมากกว่าภูเขาไฟเมานาโลอา (Mauna Loa) ที่ใหญ่ที่สุดของโลกในฮาวายนับร้อยเท่า
Olympus Mons มีขนาดใหญ่กว่าภูเขาลูกไหนของโลกด้วยเหตุผลหลายอย่าง อย่างแรกก็คือมันมีการปะทุของภูเขาไฟเกิดขึ้นมากมาย
อย่างที่สองก็คือแรงดึงดูดของดาวอังคารมีน้อยมาก น้ำหนักเราจะน้อยมากเมื่ออยู่บนดาวอังคาร ดังนั้นเมื่อภูเขาก่อตัวขึ้นมันจึงไม่ถูกกดลง จึงกลายเป็นภูเขาไฟขนาดมหึมาที่มันไม่ถล่มลงมา
The European Space Agency Mars Express ได้จับภาพความละเอียดสูงที่สุดเท่าที่เคยทำได้ เป็นภาพรอยคลื่นของลาวาบางคลื่นที่มีอายุ 115 ล้านปี แต่บางคลื่นแค่สองล้านปี ในช่วงเวลาทางธรณีวิทยาถือว่ายังใหม่มาก ซึ่งบอกได้ว่าอาจมีปฏิกิริยาของภูเขาไฟบางอย่างอยู่ ถ้าเรามองที่พื้นผิวของ Olympus Mons เราจะเห็นว่ามีรอยลาวาอยู่บริเวณนั้นซึ่งมีอุกกาบาตอยู่น้อย ดังนั้นเรารู้ว่าลาวาตรงนั้นอาจมีอายุมากที่สุดถึง 10-20 ล้านปี การปะทุยังคงมีขึ้นกระทั่งไม่นานมานี้ หรือไม่ก็จนถึงปัจจุบันนี้ก็ได้
Olympus Mons อาจเคยผลิตลาวาจำนวนมหาศาลมาแล้ว แต่ความร้อนของมันยังน้อยเมื่อเทียบอุณหภูมิของมันกับสิ่งมหัศจรรย์อันดับสอง นี่อาจดูเหมือนลูกบอลไฟ แต่พื้นผิวของมันคือมหาสมุทรของคลื่นพลาสมาที่ร้อนถึง 10,000 องศา ลมและการระเบิดขนาดใหญ่เท่ากับการระเบิดของ TNT หนึ่งล้านลูก สิ่งมหัศจรรย์อันดับที่สองนั้นคือเพื่อนที่ดีที่สุดของโลกของเรา มันให้ทั้งความร้อนและพลังงานแก่โลกของเรา แต่มันอาจเผาผลาญเราด้วยคลื่นและพลังงานที่อาจถึงตายได้