หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2565

นักวิทยาศาสตร์เรียกร้องให้คนบริจาคสมองเพิ่มขึ้น


นักวิทยาศาสตร์เรียกร้องให้คนบริจาคสมองเพิ่มขึ้น
นักวิทยาศาสตร์ที่ศูนย์เก็บสมองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เรียกร้องให้คนบริจาคสมองเพิ่มขึ้นหลังการเสียชีวิต เพื่อนำสมองไปใช้ในงานวิจัย เนื่องจากขณะนี้กำลังขาดแคลน โดยเฉพาะสมองของผู้ป่วยจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรคความผิดปกติทางจิตใจหลังภยันตราย (พีทีเอสดี)

ศูนย์วิทยบริการสมองฮาร์วาร์ด ที่โรงพยาบาลแมกคลีน ใกล้เมืองบอสตันมีสมองกว่า 3,000 สมองอยู่ในคลัง แต่ยังคงไม่พอ เนื่องจากคนส่วนหนึ่งไม่นิยมบริจาคสมองของผู้ป่วยโรคจิตเวช เพราะเข้าใจว่าโรคทางจิตเวชเป็นโรคที่มีต้นเหตุมาจากสภาพจิต ไม่ได้มีต้นเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของการเชื่อมต่อระหว่างส่วนต่าง ๆ ในสมอง

ภาพภายในศูนย์วิทยบริการสมองฮาร์วาร์ด ที่โรงพยาบาลแมกคลีน

ศ.ซาบินา เบอร์เรตตา ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์ที่ศูนย์แห่งนี้ชี้ว่า หากคนทั่วไปเชื่อว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้นในสมองของผู้ป่วยโรคซึมเศร้ารุนแรง หรือโรคพีทีเอสดี ก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะบริจาคสมองเพื่องานวิจัย เพราะพวกเขาคิดว่าการบริจาคไม่ได้ช่วยให้พบอะไรเพิ่มเติม แต่นี่เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องหากมองในแง่ชีววิทยา

ช่วงที่ผ่านมานี้ นักวิทยาศาสตร์สามารถโยงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางกายภาพของสมองกับโรคด้านจิตเวชและทางประสาทหลายโรค โดยศึกษาจากสมองของผู้ที่เป็นโรคดังกล่าว อย่างไรก็ตามขณะนี้พวกเขากำลังหาทางพัฒนาวิธีบำบัดโรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ และโรคทางจิตเวชอีกหลายโรค และต้องการสมองของผู้ที่เป็นโรคเหล่านี้ แต่ที่ศูนย์บริการสมองฮาร์วาร์ด รวมทั้งศูนย์เก็บสมองทั่วโลกมีตัวอย่างสมองไม่เพียงพอสำหรับงานวิจัย และการขาดแคลนนี้กำลังเป็นอุปสรรคในการพัฒนา

ศ.ซาบินา เบอร์เรตตา

พวกเขาบอกว่าสมองมนุษย์เป็นสิ่งที่สวยงามและมีความซับซ้อน การเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทและระบบต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง กลไกลในสมองเป็นตัวขับเคลื่อนการทำงานของร่างกายและพฤติกรรมของมนุษย์

ผู้บริจาครายหนึ่งซึ่งไปที่โรงพยาบาลดังกล่าวบอกบีบีซีนิวส์ว่า เธอตัดสินใจบริจาคสมองให้กับงานวิจัย เพราะว่าญาติใกล้ชิดคนหนึ่งป่วยเป็นจิตเภท และเธอหวังว่าการบริจาคของเธอจะช่วยนักวิจัยให้สามารถหาวิธีรักษาโรคได้