ส่วนทางด้าน จอร์จ ฮอลเลอร์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัอีทีเอช ซูริค ได้ทำการวิเคราะห์น้ำวนปริศนานี้ด้วยโมเดลทางคณิตศาสตร์ ผ่านการจับตามองด้วยภาพจากดาวเทียม ทำให้พบสิ่งที่น่าตกใจ ซึ่งก็คือการที่แสงแดดไม่ส่องไปในบริเวณนี้ แต่กลับเบนกลับสู่ทิศเดิม กลายเป็นวงโคจรของแสง
นอกจากนี้ จากการที่น้ำวนปริศนานี้ทำงานเหมือนกับหลุมดำ คือดูดกลืนทุกสิ่ง รวมทั้งทำให้เกิดความผิดปกติของแสง คล้ายคลึงกับปรากฏการณ์ที่ไอสไตน์ตั้งชื่อว่า โฟตอน สเฟียร์ ที่มักเกิดบริเวณหลุมดำ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายให้ความสนใจกับมันเป็นพิเศษ และตั้งใจจะศึกษาต่อไป เพื่อค้นหาว่ามันคือน้ำวนธรรมดาหรือหลุมดำกันแน่ รวมทั้งศึกษาหาสาเหตุ เผื่อเป็นแนวทางในการศึกษาปัญหาเกี่ยวกับธรรมชาติเพิ่มเติม
หน้าเว็บ
▼
วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2564
พบหลุมดำซ่อนตัวในมหาสมุทรแอตแลนติก พร้อมกลืนทุกอย่าง
แม้เราจะมองไม่สามารถมองเห็นมันได้ แต่หลุมดำก็เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงและน่ากลัวมากเสียด้วย เพราะมันมีพลังมากพอที่จะดูดกลืนทุกสิ่งที่เข้าไปอยู่ในรัศมี ชนิดที่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งไหนก็ไม่สามารถหลุดรอดไปได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งน้ำหรือแสง ซึ่งตอนนี้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่านอกจากบนอวกาศแล้ว บนโลกของเราก็มีหลุมดำอยู่ด้วย
เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์พบวังน้ำวนพลังงานมหาศาลซ่อนตัวอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก มีพลังและมีรูปแบบเดียวกับหลุมดำที่อยู่ในห้วงอวกาศ
รายงานระบุว่า หลุมดำที่ว่านี้อยู่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นน้ำวนขนาดยักษ์ และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอีทีเอช ซูริค และมหาวิทยาลัยไมอามี่ เชื่อว่ามันดูดกลืนน้ำแบบเดียวกับที่หลุมดำในห้วงอวกาศดูดกลืนแสง อย่างไรก็ตาม การจะสรุปว่านี่เป็นแค่น้ำวน หรือเป็นหลุมดำที่ซ่อนตัวอยู่บนโลก ยังคงเป็นปริศนาที่ไม่อาจกล่าวได้แน่ชัด