หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2557

พบน้ำบนดาวเคราะห์น้อยซีรีส

ซีรีส เป็นดาวเคราะห์น้อยดวงแรกที่นักดาราศาสตร์รู้จัก และเป็นดาวเคราะห์น้อยที่ใหญ่ที่สุด ปัจจุบันจัดเป็นวัตถุประเภทดาวเคราะห์แคระ และเป็นดาวเคราะห์แคระเพียงดวงเดียวที่อยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อยหลัก เมื่อไม่นานมานี้ กล้องโทรทรรศน์อวกาศเฮอร์เชลได้ค้นพบหลักฐานของน้ำบนซีรีส นับเป็นการพบน้ำบนดาวเคราะห์แคระเป็นครั้งแรกก่อนหน้านี้
นักดาราศาสตร์ได้สงสัยมานานแล้วว่าซีรีสน่าจะมีน้ำแข็งอยู่ แต่ยังไม่มีหลักฐานที่หนักแน่นพอที่จะยืนยันได้ จนกระทั่งกล้องอินฟราเรดไกลของกล้องโทรทรรศน์อวกาศเฮอร์เชลตรวจวัดเอกลักษณ์ของสเปกตรัมไอน้ำได้อย่างชัดเจน
   
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจซีรีสสี่ครั้ง เฮอร์เชลพบหลักฐานของไอน้ำสามครั้ง มีหนึ่งครั้งที่ไม่พบ    
นักดาราศาสตร์อธิบายว่า เมื่อซีรีสโคจรเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ น้ำแข็งบนพื้นผิวบางส่วนจะเริ่มอุ่นขึ้นและกลายเป็นไอน้ำพ่นออกมาทางปล่องต่าง ๆ ด้วยอัตรา 6 กิโลกรัมต่อวินาที แต่หากเป็นช่วงที่ซีรีสอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ อุณหภูมิพื้นผิวจะไม่ร้อนพอที่จะทำให้เกิดไอน้ำพ่นออกมาได้ จึงเป็นเหตุที่บางครั้งซีรีสตรวจไม่พบ
       
นอกจากนี้ ความเข้มของสัญญาณที่ตรวจวัดได้ยังมีการเปลี่ยนแปลงไปมา เนื่องจากปล่องไอน้ำจึงมีการปรากฏและลับไปจากสายตาของกล้องเฮอร์เชลเป็นระยะจากการหมุนรอบตัวเองของซีรีส และด้วยเหตุนี้ยังทำให้นักวิทยาศาสตร์สืบรู้ตำแหน่งของแหล่งน้ำว่าเป็นจุดสีคล้ำสองจุดบนพื้นผิวที่ปรากฏในภาพถ่ายของกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลและกล้องภาคพื้นดินมาก่อน    
แน่นอนว่าพื้นที่สีคล้ำนี้จะต้องเป็นเป้าหมายสำคัญในการสำรวจระยะอย่างละเอียดใกล้เมื่อยานดอนไปถึงดาวเคราะห์แคระดวงนี้ในอนาคต
น้ำบนซีรีส
กราฟนี้แสดงความผันแปรของความหนาแน่นของการดูดซับน้ำ ตรวจวัดโดยหอสังเกตการณ์อวกาศเฮอร์เชลเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2556 ค่าที่อ่านได้เข้มที่สุดเกิดขึ้นตรงกับตำแหน่งที่เป็นบริเวณสีคล้ำสองแห่งที่มีชื่อว่า ปีแอสซี และ บริเวณเอ ซึ่งเคยมีการถ่ายภาพไว้ได้จากกล้องเคกที่ฮาวายมาก่อน
น้ำบนซีรีส

ข้อมูลเพิ่มเติม
ดาวเคราะห์น้อยกระจัดกระจายอยู่เป็นจำนวนมากในระหว่างวงโคจร ของดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี เรียกพื้นที่ดังกล่าวว่าแถบดาวเคราะห์น้อยหลัก (main asteroid belt) นักดาราศาสตร์เชื่อว่าวัตถุในแถบดาวเคราะห์น้อยหลักถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้น ๆ ของประวัติศาสตร์ระบบสุริยะซึ่งบรรดาดาวเคราะห์ทั้งหลายรวมทั้งโลกของเราก็ เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นด้วย ทว่าบางส่วนไม่สามารถรวมตัวกันเป็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ได้ มันจึงเหลือซากให้เห็นเป็นดาวเคราะห์น้อยจำนวนมหาศาล

ซีรีสและเวสตาเป็นวัตถุที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในแถบดาว เคราะห์น้อยหลักระหว่าง ดาวเคราะห์น้อยคู่นี้
นักดาราศาสตร์พบว่ามันมีลักษณะทางธรรมชาติในแง่ ของพื้นผิวและวิวัฒนาการที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซีรีสเป็นดาวเคราะห์น้อยดวงแรกที่นักดาราศาสตร์ค้นพบ (พบเมื่อวันปีใหม่ของปี ค.ศ. 1801) มันมีรูปร่างเกือบเป็นทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 950 กิโลเมตร โคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยคาบ 4.6 ปี เชื่อว่าเนื้อของดาวมีส่วนประกอบของน้ำแข็งและน่าจะมีน้ำแข็งซ่อนอยู่ใต้ พื้นดินของซีรีสคล้ายกับดวงจันทร์บางดวงของดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ รวมทั้งอาจมีน้ำแข็งปกคลุมที่ขั้วทั้งสอง