หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เหตุการณ์อุกกาบาต ตกในรัสเซีย


ผู้บาดเจ็บอุกกาบาตตกในรัสเซียพุ่งกว่า 1,000 คนทางการรัสเซีย รายงานว่า ยอดผู้บาดเจ็บจากเหตุอุกกาบาตตกลงมาเหนือเทือกเขา "อูรัล" ทางตอนกลางของประเทศ ได้เพิ่มสูงราว 1,000 คนแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้  มีผู้บาดเจ็บสาหัส 43 คน โดยแพทย์ระบุว่า ส่วนใหญ่ถูกกระจกบาด หลังจากได้รับคลื่นกระแทก หรือ "ช็อกเวฟ" ที่ทำให้กระจกหน้าต่าง อาคารและบ้านเรือนแตกกระจาย ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญ เปิดเผยว่า เหตุอุกกาบาตตกลงมายังพื้นโลกในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับ"ดาวเคราะห์ 2012 ดีเอ 14" ที่จะพุ่งเฉียดโลกในช่วงเช้ามืดวันนี้แต่อย่างใด

อย่างไรก็ดี รัฐบาลรัสเซีย ประกาศห้ามประชาชนเข้าใกล้สะเก็ดอุกกาบาตที่ตกในบริเวณใกล้เคียงอย่างเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัย พร้อมกับยืนยันว่า ยังไม่พบการเปลี่ยนแปลงระดับรังสีที่เป็นอันตราย จากอุกกาบาตในครั้งนี้
เกิดอุกกาบาตตกในภาคกลางของรัสเซียที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและถูกบันทึกภาพไว้ได้ในวันนี้ ทำให้มีผู้บาดเจ็บประมาณ 400 คน สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชน และสัญญาณโทรศัพท์ล่ม

สถานีโทรทัศน์ของรัสเซ๊ยได้เผยแพร่ภาพวิดีโอที่ช่างภาพสมัครเล่นบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ขณะเศษชิ้นส่วนอุกกาบาตร่วงลงมาจากท้องฟ้ากลายเป็นแสงสว่างวาบและมีเสียงระเบิดดังสนั่นในบริเวณย่านที่มีประชากรอาศัยเบาบางในภูมิภาค เชเลียบินสค์ แถบเทือกเขาอูราลทางภาคกลางของรัสเซียเมื่อช่วงเช้า ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่าเสียงระเบิดดังสนั่นคล้ายแผ่นดินไหวและฟ้าผ่าพร้อมๆกัน

กระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า มีประชาชนได้รับบาดเจ็บจากเศษชิ้นส่วนอุกกาบาตตกประมาณ 400 คน โดยส่วนใหญ่ได้รับจาดเจ็บจากเศษกระจกที่แตก แต่อาการไม่ร้ายแรงและไม่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล นอกจากนี้หลังคาขนาด 600 ตารางเมตรของโรงงานผลิตสังกะสีแห่งหนึ่งพังถล่ม สัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตล่ม รวมทั้งไฟฟ้าดับอีกด้วย ขณะที่ประชาชนแตกตื่นโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉินกันจ้าละหวั่น

มีรายงานข่าวที่ไม่ได้รับการยืนยันระบุว่า หน่วยป้องกันทางอากาศใกล้ภูมิภาคเชเลียบินสค์ได้ยิงขีปนาวุธขึ้นสกัดอุกกบาตที่ระดับความสูงห่างจากพื้นโลก 20 กม.ทำให้ชิ้นส่วนแตกกระจาย และยังมีรายงานว่าเห็นอุกกาบาตตกในภูมิภาคตูเมน และสเวียดลอฟสค์ด้วย แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ

ขณะที่หน่วยกู้ภัยราว 20,000 คนกำลังปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเครื่องบิน 3 ลำถูกส่งไปลาดตระเวนพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหาย

อุกาบาตถล่มเมืองถล่มโลกจนแหลกพังพินาจย่อยยับคนตายโหงตายซากทั้งเป็นหมดทั้งโลกเตรียมตัวเตรียมใจรับกับเหตุการณ์อุกาบาตถล่มโลกได้ทุกเมื่ออย่าประมาทไปนะครับ
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ คล้ายกับการระเบิดของอุกกาบาตที่ป่าทังกัสก้าเมื่อร้อยกว่าปีก่อน

โดยเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ปี 1908 ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดกับโลกของเราใบนี้ นั่นคือเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า " การระเบิดที่ทังกัสก้า " หรือ " Tunguska explosion " หรือ " Tunguska Event " ในขณะที่ในภาษารัสเซียเรียกว่า " ตุนกุสสกี้ ฟีโนเมน " หรือปรากฏการณ์ทังกัสก้า

การระเบิดที่ทังกัสก้า เป็นเรื่องของการระเบิดครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นใกล้กับแม่น้ำ " โปดคาเมนนายา ทังกัสก้า " ซึ่งปัจจุบันอยู่ในแคว้นคราสนายาร์ส์ค ในรัสเซีย เมื่อเวลาประมาณ 7 โมง 14 นาที ของวันที่ 30 มิถุนายน 1908 ซึ่งในยุคนั้น ถือกันว่าเป็นวันที่ 17 มิถุนายน เนื่องจากรัสเซียยุคนั้น ใช้ปฏิทินแบบเก่า ซึ่งช้ากว่าปฏิทินแบบที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันหลายวัน

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเรื่องนี้อาจจะเกิดจากการระเบิดของอุกาบาต หรือชิ้นส่วนของดาวหางที่ความสูง 5 - 10 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก สำหรับขนาดของวัตถุที่ระเบิดนั้น มีการคาดการณ์แตกต่างกันออกไป แต่เชื่อว่าน่าจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายสิบเมตร
แม้วัตถุจะระเบิดเหนือพื้นโลก ไม่ได้เป็นการตกกระทบกับพื้นโลกแต่อย่างใด แต่นักวิทยาศาสตร์ก็พิจารณาเรื่องนี้เหมือนกับการตกกระทบ โดยประเมินว่าพลังงานจากการระเบิดน่าจะอยู่ในราว 10 - 15 เมกะตัน หรือเท่ากับระเบิดปรมาณูที่สหรัฐใช้ถล่มเมืองฮิโรชิม่าราว 1 พันลูก แรงระเบิดทำให้ต้นไม้ราว 80 ล้านต้นในพื้นที่กว่า 2,150 ตารางกิโลเมตรล้มระเนระนาด แรงระเบิดทำให้แผ่นดินไหวสะเทือนด้วยความรุนแรง 5.0 ตามมาตราริคเตอร เชื่อกันว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ถือเป็นเหตุการณ์ที่โลก ถูกสิ่งอื่นมากระทบอย่างแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่
จากคำให้การของผู้เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น สรุปว่า เช้าวันนั้น ชาวตุนกุส ซึ่งเป็นคนพื้นเมือง และชาวรัสเซีย ที่ไปตั้งหลักแหล่งอยู่ใกล้กับทะเลสาบไบคาล มองเห็นลูกไฟพุ่งลงมาจากท้องฟ้า โดยความสว่างของมันเทียบได้กับดวงอาทิตย์เลยทีเดียว ราว 10 นาทีหลังจากนั้นก็มีแสงวาบ และเสียงคล้ายการยิงปืนใหญ่ ส่วนคนที่อยู่ใกล้กว่า บอกว่า หลังการระเบิด มีคลื่นกระแทกตามมา คลื่นกระแทกนั้นแรงเสียจนทำให้คนที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์ ล้มทั้งยืน และกระจกหน้าต่างแตกเสียหาย สถานีวัดแรงสั่นสะเทือนทั่วยุโรป และเอเชีย สามารถตรวจจับแรงสั่นสะเทือนได้ อังกฤษ และสหรัฐ ก็ยังสามารถตรวจจับสัญญาณความผิดปกติของเรื่องนี้ได้จากการศึกษาชั้นบรรยากาศโลก

แต่กระนั้น รัสเซียก็ยังไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนี้ในทันที เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว ถือว่าทุรกันดารอย่างมาก หรือหากว่ามีการเข้ามาศึกษาในเรื่องนี้ เอกสารการศึกษาก็อาจจะสูญหายไปเพราะยุคนั้นรัสเซียเข้าสู่ยุคของความยุ่งเหยิงพอดี ทั้งสงครามโลกครั้งที่ 1 , การปฏิวัติรัสเซีย และสงครามกลางเมือง

การสำรวจเหตุการณ์นี้ครั้งแรกจึงระบุว่าเกิดขึ้นปี 1921 หรือ 10 ปีหลังเกิดเหตุ การสำรวจนำโดย เลโอนิด คูลิก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องสินแร่ชาวรัสเซีย ที่เข้ามาสำรวจสินแร่ แต่ได้ยินชาวบ้านแถบนี้พูดถึงเหตุการณ์ประหลาดเมื่อ 10 ปีก่อน เขาจึงของบสำรวจจากทางการโดยอ้างว่า สินแร่จากอุกาบาตที่ตกลงมา อาจนำมาใช้ในอุตสาหกรรมของรัสเซียได้

เขาเข้าไปถึงจุดเกิดเหตุในปี 1927 และตกตะลึง เนื่องจากแทนที่จะพบกับหลุมขนาดใหญ่ เขาพบแต่พื้นที่ที่เต็มไปด้วยป่าไม้ที่ล้มระเนระนาดกว้างไกลถึง 50 กิโลเมตร บางต้นที่อยู่บริเวณศูนย์กลางการระเบิดที่ยังยืนอยู่ แต่ก็อยู่ในสภาพที่ยับเยิน ส่วนต้นที่อยู่ห่างออกไป ก็ล้มไปในทิศทางตรงกันข้ามกับศูนย์กลาง

อีก 10 ปี ต่อมา ก็มีการสำรวจอีก 3 รอบ และก็ไม่พบหลุมอุกาบาตแต่อย่างใด ส่วนการสำรวจในยุค 50 และ 60 ก็พบสะเก็ดธาตุนิเกิ้ล และ อิริเดียม อยู่แถบนี้มาก โดยธาตุ 2 ตัวนี้ เรามักจะพบในอุกาบาต ซึ่งเรื่องนี้ชี้ว่า สะเก็ดธาตุที่พบ มาจากอวกาศ

จากนั้นในปี 1959 ก็เริ่มมีการเก็บหลักฐานคำบอกเล่าจากผู้อยู่ในเหตุการณ์อย่างเป็นระบบ จากผู้ที่อยู่ห่างจากจุดที่เกิดเหตุระเบิด 100 กิโลเมตร ก่อนที่จะสรุปในเวลาต่อมาว่า เรื่องนี้เกิดจากการระเบิดของวัตถุขนาดใหญ่จากอวกาศที่บริเวณเหนือพื้นโลกดังที่ได้กล่าวมาแล้ว....


เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย menmen